ผู้อ่านท่านไหนที่เลี้ยงแมวเคยพบอาการเหล่านี้บ้างมั้ยคับ
เช่น เแมวยืนเบ่งนานมากแต่ก็ยังฉี่ไม่ออก
ร้องเจ็บเวลาปัสสาวะ ควบคุมการฉี่ไม่ค่อยได้ บางครั้งถึงขั้นฉี่เป็นเลือดเลย
ถ้ามีอาการเหล่านี้ แสดงว่า น้องแมวกำลังมีปัญหาเรื่องระบบการขับถ่ายปัสสาวะ หรือที่เรียกกันคือโรค FLUTD
(Feline
Lower Urinary Tract Disease) อธิบายให้เข้าใจกันคือกลุ่มอาการต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ก่อให้เกิดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง
ทำให้ระบบปัสสาวะมีปัญหา เราสามารถพบโรคนี้มากถึง10%เลยนะครับ
และเป็นอีกหนึ่งโรคที่ถือว่าอันตราย วันนี้ผมจะพูดถึงรายละเอียดของโรคนี้ให้ฟังกันครับ
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค
FLUTD มีอะไรบ้าง?
โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยร่วมกันรวมถึงเรื่อง"อายุ"
โดยส่วนใหญ่แล้วค่าเฉลี่ยต่อการเป็นโรคนี้ในแมวคือ 4 ปี และพบได้น้อยมากในแมวอายุน้อยกว่า1ปี
แมวที่อ้วนจะเป็นได้มากกว่าแมวผอม
นอกจากนี้แมวตัวผู้มักจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเนื่องจากโครงสร้างของท่อปัสสาวะที่แคบกว่าแมวตัวเมีย
ทำให้เกิดภาวะการตีบตันของท่อปัสสาวะได้ง่าย
ลักษณะนิสัยการทานอาหารก็มีผลนะครับ แมวเป็นสัตว์ที่ตามธรรมชาติกินน้ำค่อนข้างน้อย
และชอบกินเนื้อมากกว่า บางครั้งการที่เราให้เค้าทานแต่อาหารเม็ดอย่างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ
มีผลทำให้ค่าความเป็นกรดในปัสสาวะสูงขึ้น ซึ่งมีโอกาสทำให้เป็นนิ่วและเกิดโรคนี้ตามมา
เรื่องสายพันธ์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง โดยเฉพาะแมวพันธ์เปอร์เซีย
และหิมาลายัน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าพันธ์อื่นด้วยครับ
*นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว
ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคFLUTDอีกครับ เช่น
- เคยมีนิ่วไปอุดตันที่ กระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ
- เคยมีการอักเสบหรือติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ
- ความเครียดเพราะถูกกักขัง ขาดการออกกำลังกาย
- เคยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไขสันหลัง หรือเคยได้รับบาดเจ็บแรงๆเช่นถูกรถชน
- การทานน้ำไม่สะอาดมาเป็นระยะเวลานานๆ
- ความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิด เช่นเกิดมาแล้วท่อปัสสาวะตีบกว่าปกติ(เปอร์เซียและหิมาลายัน)
- มะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ความผิดปกติที่มาจากระดับฮอร์โมนไม่สมดุล
เช่นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ และเบาหวาน
อาการผิดปกติใดบ้างที่ทำให้พอรู้ว่าแมวเริ่มเป็นโรคนี้
(สังเกตได้ไม่ยากครับ
ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ "การปัสสาวะที่ผิดปกติ" ถ้าเริ่มแสดงอาการเหล่านี้ ให้สงสัยก่อนว่าแมวของเราอาจเป็นโรคนี้ได้)
- เริ่มปัสสาวะไม่เป็นที่ หรือใช้เวลานานในการปัสสาวะนานขึ้น และบ่อยมากกว่าเดิม
-
ปัสสาวะเริ่มมีเลือด หรือ มีสีเข้มมากกว่าปกติ และมีกลิ่นเหม็น
-
น้องแมวมีการเบ่งจนตัวโก่งเลย และร้องเจ็บขณะพยายามปัสสาวะ
-
เลียตรงบริเวณอวัยวะเพศบ่อยขึ้นโดยเฉพาะแมวเพศผู้
-
น้องแมวกินน้ำบ่อยกว่าเดิม
- ดูตัวเกร็งๆ
โดยเฉพาะบริเวณท้องจะแข็งมากกว่าปกติ
แล้วต้องทำอย่างไร
เมื่อสงสัยว่าแมวเป็นFLUTD
เจ้าของต้องรีบพาแมวไปให้คุณหมอตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากเป็นโรคที่ต้องใช้การตรวจหลายๆวิธีเข้าด้วยกัน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยมาก
เมื่อไปถึงคุณหมอจะซักถามประวัติ และขอตรวจร่างกายน้องแมวอย่างละเอียด อาจขอเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจและเพาะเชื้อ รวมถึงตรวจเลือด เอ็กซเรย์และอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ยิ่งถ้าเกิดแมวเริ่มมีอาการปวดเบ่งและร้องเจ็บขณะฉี่บ่อยๆ
ถือว่าอันตรายมาก ต้องรีบให้ยาในทันทีหรือจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาโดยด่วน มิเช่นนั้นแมวอาจถึงขั้นช็อคและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ
ขั้นตอนการรักษาโรคFLUTD
เนื่องจากโรคที่เกี่ยวกับระบบปัสสาวะนั้น
ส่วนใหญ่มาจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ขั้นตอนแรก ต้องพาไปให้คุณหมอตรวจก่อน คุณหมอจะประเมินอาการเบื้องต้นครับว่าความรุนแรงที่เป็นนั้นอยู่ระดับไหน
ใช้เวลารักษานานเท่าไร ส่วนการรักษาจะเน้นตามอาการที่เกิดขึ้น มีทั้งให้ยาฆ่าเชื้อ
ยาขับปัสสาวะ (ในกรณีพบว่าเป็นนิ่ว อาจต้องให้ยาละลายนิ่ว เสริมด้วยทานอาหารควบคุมโรคร่วมกับอาหารสลายนิ่วด้วย)
ถ้าพบว่ามีก้อนนิ่วขนาดใหญ่ไปอุดตันตามส่วนต่างๆในระบบ โดยเฉพาะที่ท่อปัสสาวะ
อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาออก เพราะถ้าช้าอาจจะนำไปสู่ภาวะไตวาย
หรือกระเพาะปัสสาวะแตกเนื่องจากน้องแมวขับฉี่ไม่ได้ และให้สารน้ำเพื่อพักฟื้นสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ
วิธีการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคFLUTD
สิ่งสำคัญที่สุดคือสุขลักษณะในการเลี้ยงที่ถูกต้องครับ
โดยเฉพาะเรื่องการให้อาหารและน้ำ
พยายามให้อาหารที่โภชนาการเหมาะสมและน้ำดื่มที่สะอาด "อย่าให้อาหารคนหรือขนมบ่อยๆเพราะจะทำให้แร่ธาตุไม่สมดุลซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดผลึกนิ่วในปัสสาวะ"
ถ้าแมวกินน้ำน้อยอาจต้องบังคับป้อนหรือหาวิธีให้เค้ากินน้ำมากขึ้น(เช่นทานน้ำเย็น
หรือใช้น้ำพุแมว) หมั่นดูแลกระบะทราย ดูการขับถ่ายของแมวเป็นประจำ และเมื่อแมวเริ่มแสดงอาการผิดปกติเกี่ยวกับปัญหาทางเดินปัสสาวะส่วนล่างให้รีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันทีครับ
จบไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว
โดยมากปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้คือการจัดการที่ไม่ดีและสุขลักษณะการเลี้ยงที่ไม่เหมาะสม
หรือต่อให้เราเลี้ยงดีแค่ไหน ถ้าแมวมีอายุมากขึ้น
ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
เราจึงควรพาเจ้าเหมียวของเราไปตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ1ครั้ง
เพื่อป้องกันและลดโอกาสการเป็นโรคนี้ครับ
หมอเป็ด เพ็ทนิสต้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น