ดูแล

ดูแล

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มาทำความรู้จักกับ โรคระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง FLUTD (Feline Lower Urinary Tract Disease) ในแมว





                       ผู้อ่านท่านไหนที่เลี้ยงแมวเคยพบอาการเหล่านี้บ้างมั้ยคับ เช่น  เแมวยืนเบ่งนานมากแต่ก็ยังฉี่ไม่ออก ร้องเจ็บเวลาปัสสาวะ ควบคุมการฉี่ไม่ค่อยได้ บางครั้งถึงขั้นฉี่เป็นเลือดเลย ถ้ามีอาการเหล่านี้ แสดงว่า น้องแมวกำลังมีปัญหาเรื่องระบบการขับถ่ายปัสสาวะ หรือที่เรียกกันคือโรค FLUTD  (Feline Lower Urinary Tract Disease) อธิบายให้เข้าใจกันคือกลุ่มอาการต่างๆซึ่งส่วนใหญ่ก่อให้เกิดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ทำให้ระบบปัสสาวะมีปัญหา เราสามารถพบโรคนี้มากถึง10%เลยนะครับ และเป็นอีกหนึ่งโรคที่ถือว่าอันตราย วันนี้ผมจะพูดถึงรายละเอียดของโรคนี้ให้ฟังกันครับ


สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค FLUTD มีอะไรบ้าง?

                          โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยร่วมกันรวมถึงเรื่อง"อายุ" โดยส่วนใหญ่แล้วค่าเฉลี่ยต่อการเป็นโรคนี้ในแมวคือ 4 ปี และพบได้น้อยมากในแมวอายุน้อยกว่า1ปี แมวที่อ้วนจะเป็นได้มากกว่าแมวผอม  นอกจากนี้แมวตัวผู้มักจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเนื่องจากโครงสร้างของท่อปัสสาวะที่แคบกว่าแมวตัวเมีย ทำให้เกิดภาวะการตีบตันของท่อปัสสาวะได้ง่าย



                          ลักษณะนิสัยการทานอาหารก็มีผลนะครับ แมวเป็นสัตว์ที่ตามธรรมชาติกินน้ำค่อนข้างน้อย และชอบกินเนื้อมากกว่า  บางครั้งการที่เราให้เค้าทานแต่อาหารเม็ดอย่างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ มีผลทำให้ค่าความเป็นกรดในปัสสาวะสูงขึ้น ซึ่งมีโอกาสทำให้เป็นนิ่วและเกิดโรคนี้ตามมา เรื่องสายพันธ์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง โดยเฉพาะแมวพันธ์เปอร์เซีย และหิมาลายัน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าพันธ์อื่นด้วยครับ


*นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคFLUTDอีกครับ เช่น

เคยมีนิ่วไปอุดตันที่ กระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ
- เคยมีการอักเสบหรือติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ
- ความเครียดเพราะถูกกักขัง  ขาดการออกกำลังกาย
- เคยได้รับบาดเจ็บที่บริเวณไขสันหลัง หรือเคยได้รับบาดเจ็บแรงๆเช่นถูกรถชน
การทานน้ำไม่สะอาดมาเป็นระยะเวลานานๆ
- ความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิด เช่นเกิดมาแล้วท่อปัสสาวะตีบกว่าปกติ(เปอร์เซียและหิมาลายัน)
- มะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ความผิดปกติที่มาจากระดับฮอร์โมนไม่สมดุล เช่นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ และเบาหวาน



อาการผิดปกติใดบ้างที่ทำให้พอรู้ว่าแมวเริ่มเป็นโรคนี้
(สังเกตได้ไม่ยากครับ ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ "การปัสสาวะที่ผิดปกติ"  ถ้าเริ่มแสดงอาการเหล่านี้ ให้สงสัยก่อนว่าแมวของเราอาจเป็นโรคนี้ได้)

เริ่มปัสสาวะไม่เป็นที่ หรือใช้เวลานานในการปัสสาวะนานขึ้น และบ่อยมากกว่าเดิม
- ปัสสาวะเริ่มมีเลือด หรือ มีสีเข้มมากกว่าปกติ และมีกลิ่นเหม็น
- น้องแมวมีการเบ่งจนตัวโก่งเลย และร้องเจ็บขณะพยายามปัสสาวะ
- เลียตรงบริเวณอวัยวะเพศบ่อยขึ้นโดยเฉพาะแมวเพศผู้
- น้องแมวกินน้ำบ่อยกว่าเดิม
- ดูตัวเกร็งๆ โดยเฉพาะบริเวณท้องจะแข็งมากกว่าปกติ



แล้วต้องทำอย่างไร เมื่อสงสัยว่าแมวเป็นFLUTD

                   เจ้าของต้องรีบพาแมวไปให้คุณหมอตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นโรคที่ต้องใช้การตรวจหลายๆวิธีเข้าด้วยกัน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยมาก เมื่อไปถึงคุณหมอจะซักถามประวัติ และขอตรวจร่างกายน้องแมวอย่างละเอียด  อาจขอเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อตรวจและเพาะเชื้อ  รวมถึงตรวจเลือด เอ็กซเรย์และอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ  ยิ่งถ้าเกิดแมวเริ่มมีอาการปวดเบ่งและร้องเจ็บขณะฉี่บ่อยๆ ถือว่าอันตรายมาก ต้องรีบให้ยาในทันทีหรือจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาโดยด่วน มิเช่นนั้นแมวอาจถึงขั้นช็อคและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ



ขั้นตอนการรักษาโรคFLUTD

                   เนื่องจากโรคที่เกี่ยวกับระบบปัสสาวะนั้น ส่วนใหญ่มาจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ขั้นตอนแรก ต้องพาไปให้คุณหมอตรวจก่อน  คุณหมอจะประเมินอาการเบื้องต้นครับว่าความรุนแรงที่เป็นนั้นอยู่ระดับไหน ใช้เวลารักษานานเท่าไร ส่วนการรักษาจะเน้นตามอาการที่เกิดขึ้น มีทั้งให้ยาฆ่าเชื้อ ยาขับปัสสาวะ (ในกรณีพบว่าเป็นนิ่ว อาจต้องให้ยาละลายนิ่ว เสริมด้วยทานอาหารควบคุมโรคร่วมกับอาหารสลายนิ่วด้วย) ถ้าพบว่ามีก้อนนิ่วขนาดใหญ่ไปอุดตันตามส่วนต่างๆในระบบ โดยเฉพาะที่ท่อปัสสาวะ อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาออก เพราะถ้าช้าอาจจะนำไปสู่ภาวะไตวาย หรือกระเพาะปัสสาวะแตกเนื่องจากน้องแมวขับฉี่ไม่ได้  และให้สารน้ำเพื่อพักฟื้นสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ



วิธีการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคFLUTD

              สิ่งสำคัญที่สุดคือสุขลักษณะในการเลี้ยงที่ถูกต้องครับ โดยเฉพาะเรื่องการให้อาหารและน้ำ พยายามให้อาหารที่โภชนาการเหมาะสมและน้ำดื่มที่สะอาด "อย่าให้อาหารคนหรือขนมบ่อยๆเพราะจะทำให้แร่ธาตุไม่สมดุลซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดผลึกนิ่วในปัสสาวะ" ถ้าแมวกินน้ำน้อยอาจต้องบังคับป้อนหรือหาวิธีให้เค้ากินน้ำมากขึ้น(เช่นทานน้ำเย็น หรือใช้น้ำพุแมว) หมั่นดูแลกระบะทราย ดูการขับถ่ายของแมวเป็นประจำ และเมื่อแมวเริ่มแสดงอาการผิดปกติเกี่ยวกับปัญหาทางเดินปัสสาวะส่วนล่างให้รีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันทีครับ



          จบไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาโรคทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว   โดยมากปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้คือการจัดการที่ไม่ดีและสุขลักษณะการเลี้ยงที่ไม่เหมาะสม หรือต่อให้เราเลี้ยงดีแค่ไหน ถ้าแมวมีอายุมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน เราจึงควรพาเจ้าเหมียวของเราไปตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ1ครั้ง เพื่อป้องกันและลดโอกาสการเป็นโรคนี้ครับ



                                                                หมอเป็ด เพ็ทนิสต้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น