ดูแล

ดูแล

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

น้องแมวเป็นโรคไต..........ทำไงดี

   



                            วันนี้ขณะที่ผมใกล้จะเปิดร้าน อยู่ดีๆก็มีลูกค้าวื่งอุ้มแมวเขามาหาผมในทันที แล้วรีบเล่าอาการของแมวที่ป่วยอยู่ ผมจับใจความได้ประมาณนี้ครับ "พี่หมอคะทำไงดี น้องแมวของหนูอยู่ดีๆก็มีอาการแบบนี้อ่ะ บลาๆๆ............... สงสัยมันต้องเป็นโรคไตแน่ๆ น้องเค้าจะตายมั้ย คุณหมอพอช่วยเค้าได้มั้ยค่ะ คุณหมอไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาค่ะเต็มที่เลย เพราะหนูเบิกกับแฟนได้O-o" (ประโยคสุดท้ายนับเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่หมอเป็ดเจออยู่เป็นประจำครับ555+)                    
                             อืม.......พี่เข้าใจเลยนะ เวลาที่เจ้าเหมียวของเราไม่สบาย เจ้าของทุกคนคงรู้สึกห่วงและกังวลมาก โรคไตเป็นเป็นโรคหนึ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยง มักจะไม่ทราบว่าแมวของตนป่วยด้วยโรคนี้ เนื่องจากโรคไต มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลายสาเหตุ(ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาพูดกัน) แต่ส่วนใหญ่ที่พบมักเกิดจากสุขลักษณะการเลี้ยงที่ไม่ถูกต้อง "โดยเฉพาะการให้น้ำและอาหาร"  กว่าเจ้าของจะรู้ว่าตัวเองเลี้ยงผิดนั้นบางทีก็สายเกินไป วันนี้พี่จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคไตในแมว ว่าสาเหตุของโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อาการที่พบ ขั้นตอนในการรักษา รวมถึงวิธีป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรคนี้ ว่าแล้วลองไปดูกันเลยครับ!!



1.แล้วสาเหตุใดบ้างล่ะที่ทำให้เกิดโรคไตในแมวของเรา

                                โรคนี้ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจมีหลายปัจจัยเสี่ยงมารวมกันครับ เช่น อายุเยอะเฉลี่ย 7 ปีขึ้นไป, สายพันธ์(ที่พบบ่อยคือเปอร์เซียและหิมาลายัน),  การติดเชื้อเรื้อรัง,  แมวที่เคยเป็นโรคนิ่วหรือเป็นโรคมะเร็งจะทำให้เป็นโรคไตได้ง่ายขึ้น, บางครั้งอาจมาจากความผิดปกติของไตที่เป็นมาตั้งแต่เกิด หรือบางทีอาจมาจากพฤติกรรมของแมวเอง เช่น กินน้ำน้อย ชอบเลียกินน้ำบนพื้นทีสกปรก                             
                               นอกจากนี้ เจ้าของที่เลี้ยงแมวแบบปล่อยเลี้ยงนอกบ้าน แมวจะมีความเสี่ยงเป็นโรคไตได้มากกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เพราะอาจกินน้ำไม่สะอาดอยู่บ่อยๆเช่น กินน้ำตามแหล่งน้ำขังทั่วไป,     กินในกระถางต้นไม้  และที่อันตรายมากคือ แมวอาจได้รับสารพิษจากยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ย โดยเฉพาะสารเคมีประเภท"น้ำยาหล่อเย็น"(น้ำยากลุ่มAntifreez ที่ใช้ในรถหรือเครื่องปรับอากาศ) ถ้าแมวได้รับสารนี้เข้าไปเมื่อไร มีโอกาสทำให้เป็นโรคไตวายเฉียบพลันได้สูงมาก  สิ่งเหล่านี้ที่พูดมาล้วนทำให้เนื้อไตเสียหาย



2. อาการอะไรบ้างที่เห็นแล้ว รู้เลยว่าแมวเสี่ยงเป็นโรคไต

                      สังเกตได้ไม่ยากครับ ถ้าแมวเริ่มแสดงอาการเหล่านี้  แสดงว่ามีแนวโน้มเป็นโรคไตแล้ว ให้รีบพาแมวไปหาคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายให้เร็วที่สุด

-น้ำหนักตัวลดลงจากแมวอ้วนกลายเป็นแมวผอมในเวลาไม่นาน
-ทานอาหารได้น้อยลง กินน้ำบ่อยครั้งขึ้น
-อาเจียนบ่อยครั้งรวมถึงมีถ่ายเหลวและท้องเสีย
-น้องแมวเลียตรงบริเวณขับถ่ายบ่อยขึ้นอาจเป็นเพราะปวด
-ฉี่ไม่ลงกระบะทราย  อาจเป็นเพราะควบคุมการปัสสาวะไม่ได้
-มีกลิ่นปากและลมหายใจเหม็นมากกว่าเดิม ปากเป็นแผล
-ถ่ายอุจจาระน้อยลง มีอาการปวดเบ่ง หรือไม่ถ่ายอุจจาระนานหลายวัน
-ปัสสาวะมีเลือด หรือขุ่นมากกว่าเดิม  มีอาการปวดเบ่งตอนปัสสาวะ



3.การตรวจหาสาเหตุโรคไตต้อง ทำอย่างไรบ้าง?

                         มีหลายวิธีเลยครับสำหรับการตรวจหาสาเหตุว่าแมวเป็นโรคไตแล้วหรือยัง โดยหลังจากที่พาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์แล้ว คุณหมอจะเริ่มซักประวัติ และตรวจร่างกายเบื้องต้นว่าลักษณะทางกายภาพแมวเป็นอย่างไร ดูซูบผอม ประเมินภาวะการขาดน้ำ ตรงนี้น้องๆต้องบอกข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คุณหมอวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น  จากนั้นคุณหมออาจขอเจาะเลือด วัดความดัน  และเก็บปัสสาวะของน้องแมว เพื่อไปตรวจหาสาเหตุ อาจใช้การ X-ray เพื่อดูขนาดของไต กับตรวจultrasound เพื่อดูความผิดปกติบริเวณผิวเนื้อไต หรือถ้าจำเป็นจริงๆอาจต้องขอเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ เพื่อยืนยันอีกว่าความรุนแรงนั้นอยู่ในระดับไหน



4.มีวิธีรักษาแมวหายจากโรคไตได้มั๊ย

             การรักษาโรคไตมีหลากหลายวิธีค่อนข้างเยอะครับแต่ส่วนใหญ่คือเน้นรักษาแบบพยุงอาการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของน้องแมวและระดับความรุนแรงด้วย ถ้าโชคดีพบว่าน้องแมวเพิ่งเริ่มเป็นในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากความเสียหายที่ไตอาจยังมีค่อนข้างน้อย แค่บำรุงด้วยวิตามิน  และปรับเปลี่ยนสุขลักษณะการกิน ให้ดีขึ้น อาจทำให้กลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นโรคไตมาค่อนข้างนาน  คงต้องใช้วิธีหลายๆอย่างรักษาร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของคุณหมอและระยะความเสียหายของไตที่น้องแมวเป็น  โดยการรักษาจะมีทั้งให้ยารักษาตามอาการ  วิตามินบำรุง  ให้สารน้ำ อาหารประกอบรักษาโรคไต(พวกกลุ่ม k/Dนอกจากนี้การเป็นโรคไตยังมีผลต่อระบบเลือดซึ่งอาจส่งผลเสี่ยงต่อการเป็นโลหิตจางได้  จึงต้องให้ยาบำรุงเลือดเพิ่ม  แต่ถ้าพบว่าไตเสียหายหนักจริงๆอาจถึงขั้นฟอกไต หรือผ่าเปลี่ยนตัดเปลี่ยนถ่ายไต ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมากครับ



5.การรักษาแมวที่เป็นโรคไต ถ้าให้กินแค่อาหารประกอบการรักษาโรคไตอย่างเดียวจะหายมั้ยคะ?

                 คำถามนี้หมอเจอบ่อยมาก ขอตอบเลยละกันว่า การให้น้องแมวทานแค่อาหารรักษาโรคไตเพียงอย่างเดียวนั้น "ไม่เพียงพอต่อการรักษาโรคไตครับ" เพราะการให้อาหารรักษานั้น ความจริงแล้วเหมือนเป็นแค่การควบคุมปริมาณสารอาหารที่น้องแมวควรได้รับมากกว่า เช่นคุมปริมาณโปรตีนและคุมระดับฟอสฟอรัสและโซเดียมไม่ให้มากเกินไป เพราะถ้ามีโปรตีนและแร่ธาตุสองชนิดนี้มากจะทำให้ไตทำงานหนัก  การรักษาทั่วไปจึงต้องให้ยาและสารน้ำเพื่อปรับระดับให้อยู่ในระดับปกติ แต่ยังคงต้องใช้เวลาอยู่ดี คุณหมอส่วนใหญ่จึงมักเลือกการให้อาหารรักษาเป็นวิธีเสริมมากกว่าเพื่อให้น้องแมวหายได้เร็วขึ้นครับ และเจ้าของไม่ควรปรับเปลี่ยนจากอาหารเดิมมาทานอาหารรักษาโรคไตทันทีนะครับ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เหมือนกัน ยังไงควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนใช้จะดีที่สุดครับ



6. การดูแลแมวหลังการรักษา ควรทำอย่างไรบ้าง

                             แน่นอนครับ ที่ต้องเน้นเลยคือควบคุมเรื่องการให้อาหาร โดยเน้นให้อาหารรักษาโรคไต พร้อมให้ทานยาที่คุณหมอให้มาอย่างเคร่งครัด ดูเรื่องความสะอาด ภายในบ้าน และสุขอนามัยที่ดีต่อน้องแมว เช่น ดื่มน้ำที่สะอาด และนำไปตรวจเช็คร่างกาย เพื่อตรวจดูค่าไตอยู่เป็นประจำครับ



                              ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับโรคไตในแมวถือเป็นโรคที่รุนแรง เพราะเป็นโรคที่ใช้เวลารักษาค่อนข้างนานและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ถ้าเป็นไปได้ ควรป้องกันโรคนี้ไม่ให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของโดยตรงในการเลี้ยงแมวตั้งแต่เริ่มต้น และเน้นมากขึ้นในแมวสูงอายุ  เจ้าของควรดูแลเรื่องสุขลักษณะการให้อาหารและน้ำที่เหมาะสม เพราะถ้าเราให้อาหารที่มีประโยชน์และมีคุณภาพ(ทานอาหารเม็ดเป็นหลัก สูตรพรีเมี่ยมทำให้ลดโอกาสเป็นโรคไตได้เยอะเลยครับ) บวกกับให้ทานน้ำที่สะอาดและทานบ่อยๆ(น้องแมวชอบทานน้ำเย็นและน้ำที่ไหลผ่าน การให้น้ำพุแมวจะช่วยให้เค้ากินน้ำได้มากขึ้น)


                              ที่สำคัญคือต้องหมั่นพาเจ้าเหมียวไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี เพื่อเป็นการป้องกันหรือหากพบความผิดปกติจะได้รีบวางแผนรักษา เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวและอยู่เป็นเพื่อนเราไปนานๆเลยครับ



                                                                 หมอเป็ด เพ็ทนิสต้า

7 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้แมวอยู่ในภาวะโรคไต ไม่มีค่ารักษา ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ภาวนาขอให้รอด

    ตอบลบ
  2. ไปหาหมอซื้ออาหารกระป๋องโรคไต นำมาผสมน้ำอุ่น เช่น น้ำหนักตัว 2.6 แมวจะให้น้ำเกลือ 150 cc หรือ น้ำ 15 สลิง สลิงละ 10 cc ซึ่งอาหารไต แมวไม่ค่อยชอบ นำมาผสมน้ำอุ่นให้เท่าน้ำเกลือ (แทนน้ำเกลือ) เพื่อไม่ต้องไปให้น้ำเกลือ ส่วนอาหารไต แบ่งเป็น 5 ส่วน ถ้าน้ำหนักตัวตามที่กล่าวมาข้างบน วิธีคือบี้อาหารให้เละมากแล้วนำน้ำเข้าไปผสม จนครบ 150 cc และแบ่งเป็น 2 ชาม เพื่อให้แมวเลียกินน้ำพร้อมกินเนื้อไปด้วย ถ้าแมวไม่อยากกิน ต้องเอาช้อนของคนตักประมาณครึ่งช้อนป้อนเขาในท่าอุ้มเด็กกำลังกินนมแม่ พร้อมเช็ดปากให้เป็นระยะ ตอนนี้แมวที่บ้านที่เป็นไต ไม่ได้ให้น้ำเกลือตั้งแต่ พค.58 จนถึงตอนนี้ (และระวังยุง อากาศหนาว เพราะเขาจะอ่อนแอกว่าแมวปกติ) เวลาให้อาหารเสร็จต้องเอาสลิงฉีดน้ำเข้ากระพุ้งแก้มเพื่อล้างปากเขา และเอาสลิงให้นำ้อีกหน่อย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ได้ผลจริงใช่ไหมคะ ตอนนี่แมวที่บ้านก็เป็นไปให้นำ้เกลือทุกวันหมดค่ารักษาไปเยอะเลยคะ

      ลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูล แมวที่บ้านเป็นโรคไตอยู่ แต่น้องแมวที่บ้านแก่มาก 17ปี แล้ว ส่วนตัวใส่เครื่องปั่นและใส่สลิงป้อน เพราะน้องแมวไม่ยอมกิน

    ตอบลบ