ดูแล

ดูแล

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการฝึกแมวให้ขับถ่าย "ถูกที่"



                            ผมเชื่อว่าผู้เลี้ยงแมวทุกคนคงจำได้เกี่ยวกับความทรงจำที่น่าประทับใจ เมื่อตอนได้แมวมาเลี้ยง(ไม่วาจะเป็นแมวเด็กหรือแมวโต) ด้วยความน่ารักของพวกเค้าคงทำให้เจ้าของมีความสุข ซึ่งรวมถึงตัวเจ้าเหมียวเองด้วย  การได้รับแมวใหม่มาเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแมวเด็กหรือแมวที่โตแล้ว "การดูแลและการฝึกในเบื้องต้นนั้นมีความสำคัญมาก" เพราะถือเป็นจุดแรกที่แมวจะเข้าใจและรักเจ้าของๆพวกมันไปอีกนาน  บางทีแค่เราให้น้ำให้อาหาร  หรือเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับการเลี้ยงยังคงไม่พอ  ผู้เลี้ยงที่ดียังต้องให้ความรักและการเอาใจใส่แก่เจ้าเหมียวอีกด้วย

                           แต่มีอยู่ปัญหาหนึ่งที่มักทำให้เจ้าของมือใหม่กลุ้มใจกันทุกคน โดยเฉพาะเมื่อได้ลูกแมวมาเลี้ยง  นั่นคือปัญหาน้องแมว"ขับถ่ายไม่ถูกที่"  ถึงแม้เราจัดเตรียมอุปกรณ์ใช้ขับถ่าย (กระบะและทรายแมว ห้องน้ำแมว ฯลฯ )ให้แล้ว แต่ทำไมถึงไม่ยอมเข้าไม่ไปใช้กันเลยหรือว่าใช้ไม่เป็นกันนะ....  วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่า เพราะอะไรลูกแมว(หรือแมวโต) ถึงขับถ่ายไม่ถูกที่  มีสาเหตุอะไร และมีวิธีแก้ไขยังไงบ้าง



พื้นฐานนิสัยโดยธรรมชาติ  แมว"รักสะอาด" อยู่แล้ว

                                ตามปกติแล้ว การฝึกน้องแมวให้ขับถ่ายถูกที่เป็นเรื่องที่ง่ายมากครับ เพราะโดยธรรมชาติแมวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยรักสะอาด เวลาขับถ่ายทุกครั้งจึงมักขุดคุ้ยดินมากลบอุจจาระของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วลูกแมวจะได้รับการสอนนิสัยนี้มาจากแม่ของพวกเค้า ดังนั้นถ้าเจ้าของได้น้องแมวมาเลี้ยงเร็วเกินไปจะทำให้มีปัญหาในการขับถ่ายไม่เป็นที่แน่นอนครับ  เป็นไปได้ "ควรให้ลูกแมวอยู่กับแม่แมวจนถึงสองเดือนก่อนแล้วค่อยนำมาเลี้ยง ซึ่งนี่เป็นวิธีฝึกที่ดีที่สุดครับ"

                            แต่ถ้าสาเหตุที่ขับถ่ายไม่ถูกที่ไม่ได้มาจาก "ขาดการฝึกนิสัยนี้จากแม่แมว" คงต้องหันมานึกดูดีๆแล้วครับว่า เกิดจากตัวเจ้าของเองรึเปล่า เช่น อาจเตรียมอุปกรณ์ไม่ดีเอง  หรือตำแหน่งในการวางที่ไม่เหมาะสม  ทำให้แมวไม่รู้ว่านี่คือห้องน้ำของพวกเค้า  สิ่งสำคัญคือผู้เลี้ยงต้องหาสาเหตุให้เจอครับว่าทำไมพวกเค้าถึงขับถ่ายไม่เป็นที่และรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด ไม่งั้นพวกเรานี่แหละจะปวดหัว เพราะฉี่และอึแมวนั้นเหม็นมาก ยิ่งถ้าโชคไม่ดีน้องแมวเผลอไป........บนเฟอร์นิเจอร์หรือบนเตียงนอนของเราเนี่ย  รับรองได้ทำความสะอาดกันเหนื่อยแน่ๆ



 เลือกกระบะที่เหมาะสมและวางตำแหน่งดีพอรึยัง

                                 มีเหตุผลมากมายครับที่ทำให้แมวไม่ยอมอึลงในกระบะ(ต่อไปขอเรียกตรงๆแบบนี้นะ จะได้เห็นภาพมากกว่า)  ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัญหาที่ตัวกระบะเอง เช่น ขนาดเล็กหรือตื้นเกินไปทำให้แมวไม่อยากใช้ หรือวางกระบะตรงตำแหน่งที่แมวมองไม่เห็น  อย่าวางใกล้กับอาหารและน้ำมากจนกินไปเพราะจะทำให้แมวไม่ใช้เลยและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้  ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเอากระบะที่เคยใช้กับแมวตัวอื่นแล้วนำมาใช้ต่อ เพราะอาจมีกลิ่นตกค้างอยู่ทำให้เค้าไม่อยากใช้และไม่เข้าใกล้เลย 




"ชนิดและปริมาณทราย" ก็มีผลนะ

                             นอกจากนี้ชนิดและปริมาณทรายก็มีผลเหมือนกันครับ แรกเริ่มควรให้ทรายธรรมดาทั่วไปก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นคริสตัลหรือทรายชนิดธัญพืช(เผื่อลองอยากใช้ในอนาคต) ควรใส่ทรายที่ระดับ1-2นิ้ว ถ้าใส่ตื้นหรือมากเกินไป แมวก็ลำบากในการกลบเหมือนกัน ส่วนเรื่องระดับทราย เรากะเองได้ง่ายๆโดยดูจากขนาดตัวของแมว ถ้าตัวเล็กก็อย่าใส่เยอะ ตัวใหญ่หน่อยก็ใส่ให้ดูพอดี ถ้ามากไปแมวอาจสะบัดทรายออกมาทำให้เจ้าของต้องเสียเวลาทำความสะอาดเพิ่มอีก  


สังเกต ฝึกฝน อดทน เฝ้ารอ

                                           ในช่วงแรก เจ้าของควรหมั่นสังเกตถึงพฤติกรรมการขับถ่าย (โดยมากจะเป็นช่วงเช้า และตอนทานอาหารเสร็จใหม่ๆ)  ถ้าเกิดเรากำลังเห็นเค้าขับถ่ายอยู่แต่ไม่ใช่ในกระบะทราย  เราควรรีบหยิบก้อนอึ ปัสสาวะ แล้วรีบนำไปวางในที่นั่นในทันที  พร้อมกลบทรายให้ทั่วๆ  จากนั้นรีบอุ้มเจ้าเหมียวไปวางไว้ที่นั่นเพื่อให้เค้าจำกลิ่นอึและฉี่ของตัวองได้ เพื่อให้รู้ว่านี่คือห้องน้ำของพวกเค้า  ถ้าแมวคุ้นเคยกลิ่นดีแล้วก็จะใช้เองต่อไปโดยไม่มีปัญหาอะไร   อย่าเพิ่งไปลงโทษเค้าทันทีนะครับ เพราะนอกจากแมวจะไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดแล้ว อาจทำให้ฝังใจและกลัวการขับถ่ายมากขึ้น เจ้าของควรทำความสะอาดเปลี่ยนทรายใหม่ และตักอึออกอย่างน้อยวันละครั้ง  ควรหมั่นสังเกตทรายแมวอยู่ตลอดเวลา อย่าให้มีกลิ่นแรงเกินไป  



                                       เพียงเท่านี้ผมรับรองว่า เจ้าเหมียวของเราจะค่อยๆเรียนรู้ และขับถ่ายในบริเวณที่เหมาะสมและถูกต้อง ส่วนระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับแมวแต่ละตัวเองด้วย ค่อยๆให้เวลากับเค้า ถ้าโชคดีพวกเค้าอาจจะเป็นเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่บางตัวอาจต้องใช้เวลา 3-7 วัน หรือนานกว่านั้น เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยสถานที่และไม่คุ้นกลิ่น แต่ถ้าเป็นบ่อยๆหรือนานเกินไป ควรปรึกษาทางผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์หรือสัตวแพทย์น่าจะดีที่สุดครับ หวังว่าเนื้อหาวันนี้คงมีประโยชน์สำหรับผู้เลี้ยงแมวทุกคนนะครับ




                                                                                      หมอเป็ด เพ็ทนิสต้า